Last updated: 3 ก.พ. 2564 | 16449 จำนวนผู้เข้าชม |
ความเป็นมาและเรื่องราวของบาตร
ในสมัยพุทธกาลกล่าวไว้ใน ปฐมสมโพธิ และพระวินัยปิฏกมหาวรรคว่า บาตรใบแรกของพระพุทธเจ้าคือ บาตรที่ฆฏิกาพรหม นำมาถวายคราวเสด็จออกทรงผนวช ณ. ฝั่งแม่น้ำอโนมา บาตรใบนั้นหายไปตอนรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา ท้าวจตุมหาราช เทพผู้อภิบาลรักษาโลกประจำอยู่ทิศทั้งสี่ ทรงหยั่งทราบในพระอัธยาศัยจึงนำบาตรศิลามีพรรณรังสีเขียวมาถวายองค์ละ 1ใบ รวมเป็น 4ใบ พระพุทธองค์ทรงรับบาตรทั้งสี่ แล้วอธิฐานเข้าเป็นใบเดียวกัน พระพุทธประวัติตอนนี้จึงเป็นที่มาของพระพุทธรูปปางประสานบาตร และ ธรรมเนียมการสร้างบาตรให้เป็นรอยประสานต่อกันเป็นตะเข็บ ประหนึ่งการประสานบาตรของพระพุทธเจ้าในครั้งนั้น
ในพระวินัยปิฏกจุลลวิคค์ยังได้กล่าวถึงบาตรที่อนุญาตไว้มี 2 ชนิด คือ “ บาตรดิน “ และ ” บาตรเหล็ก “ มีขนาด 7-11 นิ้ว และควรไม่เกิน 11 นิ้ว ประกอบด้วยโลหะ 8 ชิ้น มีโครงบาตร 1 ชิ้น ฝาข้าง 2 ชิ้น หน้าวัว 4 ชิ้น และ ขอบาตร 1 ชิ้น และ พระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้ใช้โลหะเงิน ทอง ทองเหลือง หรือสิ่งมีค่าในการสร้างบาตร เพราะมีมูลค่าสูงเกินไปอาจจะเป็นอันตรายให้หมู่โจรมาจี้ปล้นได้ และ ไม่เหมาะกับพระสงฆ์ที่เป็นผู้มักน้อย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดกิเลสขึ้นมาได้ สำหรับปัจจุบันนิมยมใช้ “ บาตรสแตนเลส “ เพราะดูแลรักษาทำความสะอาดง่าย คงทน น้ำหนักเบา และราคาไม่แพง
อานิสงส์การซื้อบาตรและสิ่งของต่างๆถวายพระสงฆ์
ผู้ที่ทำบุญด้วยการถวายเชิงรองก้นบาตร จะได้รับอานิสงส์ในเรื่องของการมีคนอุปถัมภ์เกื้อหนุน ไม่ว่าจะเดินทางไปที่แห่งใดก็จะมีคนคอยแนะนำ ยามใดที่พลาดพลั้งก็ไม่มีวันที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว และ อานิสงส์จะส่งผลให้ผู้ทำบุญมีจิตใจสงบ จะทำสิ่งใดก็คิดออกและเกิดความผิดพลาดได้น้อย
อานิสงส์ของการถวายบาตร
ผู้ที่ทำบุญด้วยการถวายบาตรแด่พระสงฆ์ จะได้รับอานิสงส์อันแรงกล้า ความเป็นอยู่จะมั่งคั่ง มีชีวิตสมบูรณ์พูนสุข ปราถนาสิ่งใดก็จะได้โดยไม่ต้องลงแรงมาก ยามที่พบกับอุปสรรค ก็จะพบกับทางแก้ หรือมีที่พึ่งเข้ามาเสมอ อันตรายไม่กร้ำกราย คิดทำสิ่งใดมีความหนักแน่น และมีความพยายามมากทำให้การนั้นๆ ส่งผลสำเหร็จด้วยดี
การเลือกซื้อบาตรถวายพระสงฆ์
บาตรเหล็ก หรือ บาตรสแตนเลส
เหล็กหรือ สแตนเลส ก็ได้ เพราะสแตนเลสก็ถือว่าเป็นเหล็กชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นไปตามพระวินัย แต่ข้อดีของบาตรสแตนเลสคือ การไม่เป็นสนิมและดูแลรักษาง่ายจึงเป็นที่นิยมใช้ในหมู่พระภิกษุ แต่ถ้าเป็นการถวายสังฆทานหรือ บวชระยะสั้น มักนิยมใช้บาตรเหล็กแทนเพราะราคาถูกกว่าแต่เมื่อใช้ไประยะหนึ่งอาจจะเป็นสนิมได้หากดูแลรักษาไม่ดี
บาตรปั้ม หรือ บาตรทำมือ
บาตรปั้มจะบางและจะมีน้ำหนักเบากว่า บาตรทำมือ อีกทั้งมีราคาถูกกว่ามากเช่นกัน ส่วนบาตรทำมือนั้นถือว่าเป็นงานฝีมือชนิดหนึ่ง บาตรแต่หละใบใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 อาทิตย์ในการสร้างจึงมีราคาที่สูงกว่ามาก บาตรทำมือนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพระสายธรรมยุตที่เคร่งครัดเป็นพิเศษนิยมใช้งานเป็นหลัก แต่สำหรับพระภิกษุส่วนใหญ่ล้วนขึ้นอยู่กับประประชาชนทั่วไปที่จะซื้อไปถวายนั่นเอง
รูปทรงของบาตรเป็นแบบไหนดี
รูปทรงของบาตรในปัจจุบันประกอบไปด้วย ทรงไทยเดิม ทรงตะโก ทรงมะนาว ทรงลูกจันทร์ และทรงหัวเสือ ที่นิยมจะเป็น ทรงมะนาว และ ทรงหัวเสือ แต่ถ้าเป็นทางอีสานจะนิยมใช้ทรงลูกจันทร์กันมาก
บาตรบ่ม หรือ ไม่บ่ม
การบ่มบาตร คือ วิธีการหนึ่งที่ทำให้บาตรเหล็กไม่เป็นสนิม ในสมัยโบราณจะใช้การเผาไฟเพราะถ้าไม่บ่มบาตร บาตรจะเป็นสนิม ส่วนบาตรสแตนเลสไม่จำเป็นต้องบ่มเพราะไม่เป็นสนิมอยู่แล้ว แต่ก็มีบ้างที่นำบาตรสแตนเลสไปบ่มเพื่อให้ได้สีที่ตามที่ต้องการ
สีของบาตร
สีของบาตรพระนั้นส่วนใหญ่จะนิยมเป็นสีดำ แต่ว่าการทำบาตรพระแต่โบราณนั้นในการทำสีจะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ “ สุมเขียว “ และ “ รมดำ ซึ่งสุมเขียว คือการนำเศษไม้สักมาเผาให้เกิดความร้อน แล้วจึงนำบาตรไปเผาในฝืนไม้สัก บาตรที่ได้จะเป็นสีเขียวปีกแมลงทับ ส่วนรมดำ คือการนำบาตรไปเผาจนดำ รอให้เย็นจากนั้นจึงใช้น้ำยาที่ทำจากส่วนผสมของใบขี้เหล็ก แอลกอฮอล์ และน้ำมันชะแล็ก มาทาให้ทั่วด้านนอกและด้านในบาตรตากให้แห้งแล้วนำมารมควันอีกครั้ง ถ้าจะให้ดำสนิทให้ทาน้ำยาหลายๆครั้ง นอกจากนั้นในปัจจุบันยังมีการทำให้เกิดลวดลาย ด้วยการใช้ค้อนค่อยๆตีให้ขึ้นลาย เรียกว่า “ บาตรตีเม็ด “
ขนาดของบาตร
ขนาดของบาตรนั้นจะมีตั้งแต่ 7-11 นิ้ว โดยทั่วไปแล้ว พระภิกษุจะใช้บาตร 8-9นิ้วเป็นหลัก
ฝาบาตร
เป็นไม้ หรือ โลหะ ก็ได้ พระที่ฉันอาหารในบาตร อาจจะใช้ฝาบาตรวางพวกขนมด้วย
ขาบาตร
ในปัจจุบันขาบาตรมีด้วยกันหลายแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น โลหะ ไม้ หรือว่า หวาย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมใช้ขาหวายเป็นหลัก
ตลบบาตร
ที่นิยมจะมีทั้งแบบถักไนล่อน และ ผ้าโทเร ที่นิยมใช้กันมากคือสี แก่นบวร และ ราชนิยม
19 พ.ค. 2564
4 พ.ค. 2564
9 มี.ค. 2564
3 เม.ย 2564